คำค้นยอดฮิต: ข้าวเหนียวมะม่วง ของขวัญออแกนิค ผลไม้สด
TH | EN
฿ 0.00
ท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมบ้านวังหว้า
ท่องเที่ยวเชิงเกษตรและวัฒนธรรมบ้านวังหว้า ตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
Image
Image
Image
Image
สภาพอากาศวันนี้
อยู่ในเวลาปิดทำการ
วันเวลาทำการ
• วันอาทิตย์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันจันทร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันอังคาร
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพุธ
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพฤหัสบดี
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันศุกร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันเสาร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
หมายเหตุ
: -
แผนที่และพิกัดที่ตั้ง
คะแนนรีวิว
0
ความพร้อมสถานที่
0
ความคุ้มค่า
0
การให้บริการ
0
อ่านทั้งหมด >
รายละเอียด
บุบเฟ่ต์ผลไม้ การทำกะราง ข้าวตังพื้นบ้าน การสานเสื่อคล้า รำตัดเด็ก
ประวัติความเป็นมา
การรวมกลุ่มของคนในชุมชนอนุรักษ์วิถีชีวิตของชุมชน ให้คู่กับหมู่บ้าน มีการทำกะรางที่เป็นอาหารจากทำจากลูกกระบกที่หาทานได้ที่บ้านวังหว้า ข้าวตังโบราณที่มีความรอบหวามมันที่มีกรรมวิธีพื้นบ้านดังเดิม โฮมสเตย์ที่สามารถเรียนรู้การทำสวนผลไม้ (ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง ผักสวนครัว) สามารถทานผลไม้สดๆจากต้น *** รับเฉพาะกรุ๊ปจองเท่านั้น
ลักษณะเด่น
มาบ้านวังหว้าที่เดียว อิ่มอร่อย ครบวงจร
ที่มาข้อมูล
Thailand Tourism Directory
ข้อมูลแนะนำ
ราคาค่าเข้าชม
• ราคาค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่าย
• หมายเหตุ : -
รีวิว (0)
0
จาก 5.0
ความพร้อมสถานที่
ความคุ้มค่า
การให้บริการ
แนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่คล้ายกัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชมาเป็นเวลานาน ก่อนคำว่า “ความหลากหลายทางชีวภาพ (BIOLOAGICAL DIVERSITY)”และอนุรักษ์ (COUSERVATION) จะเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทย จากการเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปี พ.ศ. 2503 เมื่อเสด็จผ่านอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ทอดพระเนตรเห็น ต้นยางนาขนาดใหญ่ขึ้นเป็นจำนวนมาก ทรงมีพระราชทานให้เก็บเมล็ดพันธุ์ยางนาไปเพาะที่ตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน และนำต้นยางนาที่เพาะได้ นำมาปลูก ในสวนจิตรลดา เพื่อเป็นแหล่งศึกษา ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 ทรงมีพระราชทานพระราชดำริให้ทำการอนุรักษ์ต้นขนุนในพระบรมมหาราชวัง และได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์พรรณไม้ ในพระราชวังต่างๆ โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 ทรงมีพระราชดำริให้มีการอนุรักษ์ และขยายพันธุ์หวายรวมทั้งดำเนินการจัดสร้างสวนสมุนไพรในโครงการสวนพระองค์ ฯ สวนจิตรลดา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามพระบรมราชกุมารี ทรงสืบต่องานอนุรักษ์พันธุกรรมพืชโดยทรงมีพระราชดำริกับท่านเลขาธิการพระราชวัง ให้มีการดำเนินการอนุรักษ์พืชพรรณของประเทศ ในเดือน มิถุนายน 2535 ซึ่งมีโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ได้จัดสร้างธนาคารพืชพรรณสำหรับเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อรวมทั้งการศึกษาที่มิใช่พืชเศรษฐกิจให้มีการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชโดยนำพระราชดำริ มาเป็นกรอบในการดำเนินการ เมื่อปี พ.ศ. 2536 นายสุจินต์ ภูนิคม กำนันตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร และคณะได้ประสานงานหารือกับผู้อำนวยการบริษัทอุลตร้าโปรดักส์ จำกัด และเกษตรกรจังหวัดชุมพรในการนำพื้นที่สาธารณะประโยชน์ซึ่งตั้ง ณ หมู่ที่ 6 ตำบลสลุย (ปัจจุบัน หมู่ที่ 5,6 ตำบลสลุย และ หมู่ที่ 4 ,7 ตำบลสองพี่น้อง) เพื่อจัดทำโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ ซึ่งขณะนั้น โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาก็กำลังจัดหาพื้นที่เพื่อจัดทำโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต่อมาทางโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา โดยศาสตราจารย์พิเศษประชิด วามานนท์ (ที่ปรึกษาโครงการส่วนพระองค์) พร้อมคณะได้เดินทางมาพบผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร (นายประยูร พรหมพันธุ์) เพื่อปรึกษาหารือในการจัดทำโครงการโดยใน ระยะ 5 ปี แรกได้ใช้ ชื่อโครงการว่า “โครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้และพิพัฒน์พรรณไม้ ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดชุมพร” โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร จึงได้ทำโครงการเสนอความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรและได้จัดส่งเอกสารโครงการไปยังผู้อำนวยการโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อโปรดนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองพระบาทในโอกาสอันสมควรและทางโครงการส่วนพระองค์ได้แจ้งตอบรับ เรื่องการนำโครงการอนุรักษ์พันธุไม้และพิพัฒน์พรรณพืชฯ จังหวัดชุมพร ทราบฝ่าละอองพระบาท เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2536 และในการดำเนินโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาได้ผนวกโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ และพิพัฒน์พรรณพืชของจังหวัดชุมพร เข้ากับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริในส่วนกลางมีดร.พิศิษฐ์ วรอุไร เป็นประธานคณะกรรมการ และจากการประชุมกรรมการ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2540 ที่ประชุมมีมติเปลี่ยนชื่อโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้และพิพัฒน์พรรณพืช ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดชุมพร เป็นชื่อ “โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดชุมพร”
ชุมพร
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงการเกษตร บริเวณภายในมีการตกแต่งและจัดสวนไว้อย่างสวยงาม เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวในการเข้าไปเที่ยวชมการเพาะปลูกพืชพรรณ ไม้ดอกเมืองหนาวต่างๆ มากมาย เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่จะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากมายขึ้นไปเที่ยวดอยอ่างขางและมักจะแวะเข้าไปท่องเที่ยวยังศูนย์เกษตรฯ แห่งนี้ด้วย
เชียงใหม่
โครงการศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ จ.ระยอง เปิดต้อนรับคณะศึกษาดูงาน เพื่อศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงโปรดพระราชทานแนวทางด้านเกษตร ประมง ปศุสัตว์ และการดำเนินชีวิต ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง มุ่งเสริมสร้างธรรมาภิบาลส่งเสริมการศึกษาด้านศาสตร์พระราชา เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติให้แก่ เกษตรกร นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และประชาชน
ระยอง
ศูนย์ฯนี้ มีเครื่องกลั่นสมุนไพรไล่แมลง อาทิ ตะไคร้หอม บระเพ็ด เพื่อนำไปฉีดในไร่และสวนผัก อีกเครื่องหนึ่งเป็นเครื่องอบพลีงงานแสงอาทิตย์ สนับสนุนโดยกระทรวงพลังานได้มามอบให้เพื่อใช้อบชาดาวเรือง สรรพคุณคือบำรุงสายตา ลดความดัน ซึ่
ระยอง
ชาวบ้านบ้านนาต้นจั่น มีวิถีชีวิตดั้งเดิม มีการทำเกษตรแบบผสมผสาน มีการทำผ้าหมักโคลนเป็นผ้าดีมีน้ำหนัก งดงามด้วยการหมักโคลนและการทอที่ซับซ้อน ชาวบ้านได้ปรับพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ ยกแคร่ไม่ไผ่ทำเป็นที่นั่งกินข้าว ทำห้องน้ำ ส่วนที่เหลือยังคงสภาพป่าไว้ดังเดิม สันดอยแห่งนี้มีทัศนียภาพงดงาม สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ในจุดเดียวกัน โฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่นมีประมาณ 23 หลัง แยกบ้านให้อยู่เป็น หลังหรืออยู่บ้านเดียวกับเจ้าของบ้าน ได้ดื่มด่ำไปกับธรรมชาติรอบ ที่พัก พร้อมห้องครัวอุปกรณ์ครบครัน ซื้ออาหาร ไปทำรับประทานเองสะดวกสบาย มีกิจกรรมปั่นจักรยานชมวิถีชมุชนในหมู่บ้าน ชมสวนผลไม้และท้องทุ่งพร้อมไกด์ชุมชนนำทาง ไปชมสวนผลไม้ของชาวบ้าน โปรแกรมการท่องเที่ยว : -พักโฮมสเตย์บ้านนาต้นจั่น ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมดจำนวน 23 หลัง -ปั่นจักรยานชมวิถีชมุชนในหมู่บ้าน ชมสวนผลไม้และท้องทุ่ง -ชมวิธีการทำผ้าหมักโคลน การทอผ้าด้วยมือ ผ้ายกดอก และเลือกซื้อผ้าหมักโคลนตัดสำเร็จรูป -ชมวิธีการทำตุ๊กตาบาร์โหน (บ้านตาวงศ์) -ชมหัตถกรรมตอไม้ -ชมและชิมผลไม้ตามฤดูกาล ได้แก่ ทุเรียน เงาะ ลองกอง มะม่วง มะปราง มะไฟ ลำไย -จุดชมวิว “ห้วยต้นไฮ” ชมทะเลหมอกพระอาทิตย์ -ชมและทดลองการทำข้าวเปิ๊ป อาหารท้องถิ่น จิบกาแฟในกระบอกไม้ไผ่ เส้นทางเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ : - อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย 30 กิโลเมตร - ร้านทองโบราณ ร้านเงินโบราณ 30 กิโลเมตร - อุทยานแห่งชาติน้ำตกป่าคา 70 กิโลเมตร - อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย (เมืองเก่าสุโขทัย) 77 กิโลเมตร - อุทยานแห่งชาติรามคำแหง 110 กิโลเมตร
สุโขทัย
เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง สังกัดเรือนจำกลางเชียงราย ดำเนินการตามโครงการในพระราชดำริ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในการน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ในเรือนจำ เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปใช้ได้จริงภายหลังพ้นโทษ เป็นการสร้างกำลังใจให้กับผู้ต้องขังและยังทำให้ผู้ต้องขังได้มีโอกาสในการกลับคืนสู่สังคม โดยมีทักษะที่สามารถดำรงชีวิตที่พึ่งตนเองได้ไม่หวนกลับไปกระทำผิดอีก ในปัจจุบัน เรือนจำชั่วคราวดอยฮาง เป็นศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เปิดให้บริการเข้าเยี่ยมชมการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ และเป็นจุด Check in ที่สำคัญของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปที่เข้ามาใช้บริการ
เชียงราย
สวนองุ่นสิริวัฒน์ เป็นไร่ที่มีองุ่นตลอดทั้งปี และสามารถเข้าชมสวนได้ พิกัด : https://goo.gl/maps/MH6JzZuwGFrjHeK76
สระบุรี
สถานที่สำหรับเรียนรู้ด้านพืช ประมง ดิน ข้าว ปศุสัตว์ และชลประทาน
ระยอง
ไร่คุณมนเป็นสวนเกษตรแบบผสมผสาน สวนผักปลอดสารพิษและโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นานาชนิด อาทิ น้ำนมข้าวโพด น้ำผัก กล้วย/ขนุนอบแห้ง กระยาสารทเคลือบน้ำผัก ลูกชิ้นข้าวโพด ไอศกรีมน้ำนมข้าวโพด อาหารชีวจิตเพื่อสุขภาพ เตาเผาถ่านอิวาติ และศูนย์เรียนรู้ภูมิปัญญาไทย บนพื้นที่ 150 ไร่ ด้วยเครื่องจักรอันทันสมัย โปรแกรมการท่องเที่ยว เรียนรู้กิจกรรมตามฐานต่างๆ 1.ฐานผลิตน้ำนมข้าวโพด 2.ฐานผลิตไอศครีมน้ำนมข้าวโพด 3.ฐานเก็บข้าวโพดสดจากไร่ 4.ฐานสกัดน้ำมันงา 5.ฐานสกัดน้ำส้มควันไม้และเตาเผาถ่านอิวาเตะ 6.ฐานทำลูกประคบ 7.บ้านดิน เส้นทางเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ (พร้อมระยะทาง/กม.) สะพานข้ามแม่น้ำแคว, สุสารสัมพันธมิตร ระยะทาง 25 กิโลเมตร วัดถ้ำเสือ ระยะทาง 30 กิโลเมตร ต้นจามจุรียักษ์ ระยะทาง 30 กิโลเมตร สินค้าวิสาหกิจชุมชนในชุมชน น้ำนมข้าวโพด น้ำมันงา กล้วยอบสุญญากาศ
กาญจนบุรี
บ้านสวนขวัญจังหวัดลพบุรี อยู่ที่ตำบลมหาสอน อำเภอบ้านหมี่ เรียนรู้วิถีชุมชนบ้านมหาสอน ชุมชนที่อยู่ติดลุ่มน้ำบางขาม เป็นแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ทิวทัศน์สวยงามสงบเหมาะแก่การพักผ่อน และในอดีตมีฉายาว่าอู่ข้าว ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การปลูกข้าวจึงทำให้ข้าวที่เพาะปลูกบริเวณนี้มีคุณภาพที่ดี ทั้งยังมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่าพันปีในยุคทราวดีต้นกำเนินธิดาเมืองละโว้ พระนางจามเทวี และ เรียนรู้การพึ่งตนเองน้อมนำศาสตร์พระราชา ทั้งยังมีอาหารพื้นบ้านและผลผลิตทางการเกษตรสด ๆ ปลอดภัยไร้สารเคมีมาให้นักท่องเที่ยวได้ชิมและซื้อกลับ สัมผัสการท่องเที่ยวภูมิปัญญาและวิถีชุมชนโดยการนั่งรถอีแต๋น และ ทำกิจกรรมพึ่งตนเองที่ฟาร์ม ล่องแพไม้ไผ่ยามเย็นสัมผัสวิถีคนลุ่มน้ำ บางเวลา ณ. บางขาม โปรแกรมการท่องเที่ยว - บ้านสวนขวัญ เรียนรู้การพึ่งพาตนเองด้วยศาสตร์พระราชา,การเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดง,พิพิธภัณฑ์โรงสีข้าว,การทำพิซซ่าเตาถ่าน,แช่มือ แช่เท้า ด้วยสมุนไพร จากภูมิปัญญาของชุมชน,ทำขนมไทย,ล่องแพเปียก              - นั่งอีแต๋น ชมวิถีชุมชน เรียนรู้การสานตะกร้าหวาย,การทำแคปหมู,การเพาะเลี้ยงจิ้งหรีด,การทำผลิตภัณฑ์ จากผักตบชวา,ชมบ้านไทยโบราณ,ชมวิถีชาวนาไทย,การดำนา,การเกี่ยวข้าว เส้นทางเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ (พร้อมระยะทาง/กม.) - วัลลภาฟาร์ม ต.เขาพระงาม อ.เมือง  จ.ลพบุรี ระยะทาง 35 กม.                           - บ้านดินมดแดง  ต.โคกตูม อ.เมือง จ.ลพบุรี ระยะทาง 65 กม.                           - กลุ่มชาติพันธ์  ต.บ้านทราย อ.บ้านหมี่  จ.ลพบุรี ระยะทาง 15  กม.                           - ผลิตภัณฑ์ขนมไทย    ต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี   จ.สิงห์บุรี ระยะทาง 25  กม. สินค้าวิสาหกิจชุมชนในชุมชน  -ไข่เค็ม พอกด้วยดินสอพอง+ใบเตย,แคปหมู,น้ำพริกแดง,น้ำพริกขี้กา,ผลิตผลทางการ  เกษตรตามฤดูกาล,ตะกร้าหวาย สินค้า OTOP
ลพบุรี
บ้านใหม่พัฒนา​ จ.น่าน ชุมชนต้นแบบตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ท่องเที่ยวเชิงเกษตรและสุขภาพด้วยสมุนไพรรอบตัวเป็นชุมชนเล็กบนที่ราบสูง มีลำน้ำเกี๋ยนไหลผ่าน ชาวบ้านในท้องถิ่นมีวิถีการดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
น่าน
แปลงเกษตรการเรียนรู้ของศูนย์ส่งเสริมเยาวชนเกษตรอาเซียน จ.กาญจนบุรี ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ภายใต้ชื่อ “FYPC Garden” โดยภายในมีจุดเรียนรู้ทั้งหมด 7 จุด ที่พร้อมให้บริการประชาชนที่สนใจ ได้แก่ 1.แปลงเรียนรู้ไม้ดอกไม้ประดับ 2.จุดเรียนรู้การเลี้ยงจิ้งหรีด 3.แปลงเรียนรู้สมุนไพร 4.บ้านเกษตรสมบูรณ์ 5.แปลงรวบรวมพันธุ์กล้วย 6.แปลงเรียนรู้ผักอินทรีย์พื้นบ้าน 7.จุดเรียนรู้การเลี้ยงชันโรง และปลูกต้นทานตะวันในพื้นที่แปลงเรียนรู้ เพื่อความสวยงามและเป็นจุดถ่ายภาพให้กับประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ
กาญจนบุรี